เพชรธรรมชาติ-เพชรธรรมชาติเม็ดใหญ่

เพชรธรรมชาติ หนึ่งในอัญมณีล้ำค่าที่พื้นโลกได้ประดิษฐ์ขึ้นมา จากเหล่ามวลสารและแร่ธาตุที่ถูกกดทับอยู่ใต้พิภพร่วมหลายร้อยล้านปี จนกลายเป็นเพชรธรรมชาติที่ใครหลายคนอยากเป็นเจ้าของ ซึ่งมูลค่าเพชรเป็นที่ทราบกันดีว่าค่อนข้างสูงพอสมควรเมื่อเทียบกับอัญมณีชนิดอื่น ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อเพชรธรรมชาติสักเม็ดควรมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับเพชรดังต่อไปนี้

 

เพชรธรรมชาติคืออะไร ?

เพชรธรรมชาติ หมายถึง เพชรที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติใต้พื้นโลกลึกลงไปกว่า 150 กิโลเมตร หรือบริเวณเนื้อโลกชั้นบน ซึ่งใต้พื้นจะเกิดแรงกดดันสูง จนทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นถึง 1,000 องศาเซลเซียส เต็มไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ หล่อหลอมรวมตัวกันผ่านกระบวนการทางธรรมชาติจนกลายมาเป็นเพชรธรรมชาติ และถูกดันผ่านหินหลอมเหลวขึ้นมาสู่พื้นดินหรือเหมืองเพชร ซึ่งเพชรที่ถูกขุดขึ้นมาจะเรียกว่า ‘เพชรดิบ’ หรือเพชรที่ยังไม่ผ่านการเจียระไนนั่นเอง

 

อ่านต่อ: เพชรดิบ เบื้องหลังของเพชรเจียระไนเม็ดงามที่คุณต้องรู้

 

หลัก 4C’s กับ เพชรธรรมชาติ

ก่อนเลือกซื้อเพชรธรรมชาติ ควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลัก 4C’s หรือคุณลักษณะทั้ง 4 ของเพชรธรรมชาติก่อน เพราะราคาเพชรธรรมชาติแต่ละเม็ดล้วนกำหนดมาจากคุณลักษณะทั้ง 4 อย่างดังต่อไปนี้:  

 

การเจียระไน (Cut)

เพชรธรรมชาติจะถูกเจียระไนให้ได้สัดส่วนที่ถูกต้อง ทั้งความลึก ความกว้าง รูปทรงหน้าเจียระไนหรือเหลี่ยมเพชร และความสมมาตร ซึ่งการเจียระไนมีผลต่อความงามของเพชรโดยตรง เพราะช่วยเสริมให้เพชรเกิดประกายรุ้งสวยงามยามกระทบแสง ซึ่งแสงที่ดีจะต้องกระทบออกด้านหน้าเพชร ไม่ควรหนีออกด้านล่าง หรือด้านข้างเพชร 

 

นอกจากคุณสมบัติการเล่นไฟที่ดี และความสมมาตรของเพชรธรรมชาติที่มีผลต่อเกรดการเจียระไน ช่างอัญมณียังต้องพยายามรักษาเนื้อเพชรให้ได้มากที่สุด เพราะมีผลต่อน้ำหนักกะรัตของเพชรธรรมชาติโดยตรง ซึ่งเพชรเกรด Tripple Excellent หรือ เพชร 3EX คือเพชรที่เล่นไฟได้สมบูรณ์แบบ หรือเพชรที่ถูกเจียระไนอย่างไร้ที่ตินั่นเอง

 

อ่านต่อ: รู้ก่อนซื้อ! เพชร 3EX คืออะไร? ต่างจากเพชรทั่วไปอย่างไร?

 

กะรัตน้ำหนัก (Carat)

หลายคนมักเข้าใจว่ากะรัตคือไซซ์เพชร แต่ความจริงแล้วกะรัตคือหน่วยของน้ำหนักเพชรธรรมชาติ ซึ่งเพชร 1 กะรัตจะมีน้ำหนัก 200 มิลลิกรัม หากต่ำกว่า 1 กะรัตจะเรียกว่าเพชรตัง ซึ่งเพชรธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 กะรัตจะมีเพียง 1 ใน 1,000 เม็ด แปลว่าเพชรยิ่งมีขนาดใหญ่ ยิ่งหายาก และมีราคาสูงขึ้นตามลำดับ 

 

ความสะอาด (Clarity)

เพชรธรรมชาติโดยส่วนใหญ่มักมีตำหนิหรือร่องรอยบางอย่าง ที่เกิดจากแร่ธาตุชนิดอื่นที่ไม่ใช่คาร์บอนไดออกไซด์ ปะปนเข้ามากระบวนการสร้างตัวของเพชรธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ โดยเพชรธรรมชาติที่อยู่ในเกณฑ์ FL (Flawless) เป็นเพชรที่หายากมาก และมีราคาสูงลิบ

 

สี (Color)

สีของเพชรธรรมชาติจะถูกแบ่งออกตามความขาวใส จริงอยู่ที่เพชรส่วนใหญ่มีลักษณะขาวใส แต่คนทั่วไปที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเพชร มักไม่ทันสังเกตว่าเพชรส่วนใหญ่มักจะมีสีอมเหลือง หรืออมน้ำตาล โดยเกรดจะแบ่งเป็น D – Z ซึ่งเพชรธรรมชาติที่ขาวใสไร้สีปนเปื้อนจะเป็นเพชรเกรด D ในขณะที่เพชรเกรด E – F ก็มีลักษณะแทบไม่แตกต่างจากเพชรเกรด D อย่างไรก็ตามหากต่ำกว่าเกรด E ลงไปจะเริ่มมีสีปนเปื้อนที่มองเห็นได้ชัดขึ้นตามลำดับ

 

อ่านต่อ: คู่มือเกรดเพชร 4C’s ฉบับเข้าใจง่าย เลือกซื้อเพชรได้ตรงใจ

 

ข้อดีของการซื้อเพชรธรรมชาติ

  1. เพชรธรรมชาติเหมาะแก่การลงทุนในอนาคต เพราะมูลค่าจะสูงขึ้นตามกาลเวลา โดยเฉพาะเพชรธรรมชาติขนาดใหญ่ ยิ่งกะรัตสูงมากเท่าไหร่ ยิ่งหายากมากขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกับเพชรธรรมชาติที่สะอาดไร้ตำหนิ หรือมีสีขาวใสไม่อมเหลือง เพชรเหล่านี้จะมีราคาสูงเป็นพิเศษ
  2. เพชรธรรมชาติมีราคาซื้อขายที่เสถียรกว่าเพชรสังเคราะห์ เพชรCZ และเพชรอื่น ๆ ที่ไม่ได้ขุดค้นพบจากใต้ดิน เพราะเป็นที่ยอมรับมายาวนานหลายร้อยปี
  3. เพชรธรรมชาติเป็นอัญมณีที่มีค่าความแข็งเท่ากับ 10 ตามโมห์สเกล ซึ่งเป็นค่าความแข็งสูงสุด ต่างจากอัญมณีอื่น ๆ เช่น มรกต หรือทับทิม เป็นต้น

 

อ่านต่อ: ครบเครื่องเรื่อง มรกต เลือกอย่างไรให้ได้ของแท้ ไม่เทียม

 

เพชรธรรมชาติ-เพชรธรรมชาติแสงรุ้ง

เทคนิคการเลือกซื้อเพชรธรรมชาติให้ถูกลง

 

ไม่ยึดติดกับรูปทรงเพชร

หากงบซื้อเพชรธรรมชาติเพื่อไปทำแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงานมีค่อนข้างจำกัด ควรเลี่ยงการซื้อเพชรทรงกลม จริงอยู่ที่เพชรทรงกลมคือเพชรที่เล่นไฟ สะท้อนไฟ และเปล่งประกายได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับเพชรธรรมชาติทรงอื่น จึงได้รับความนิยมสูง นอกจากนี้การเจียระไนเพื่อให้ตรงคุณลักษณะที่ดียังต้องอาศัยความชำนาญ เพราะค่อนข้างยาก ทำให้เพชรทรงกลมมีราคาสูงเป็นพิเศษ

 

อ่านต่อ: แหวนเพชรแต่งงาน จะซื้อให้คนรักแบบเพอร์เฟกต์จะเริ่มต้นอย่างไรดี

 

ซื้อกะรัตที่น้อยกว่ากะรัตจริงที่ต้องการ

อย่างที่ทราบไปแล้วว่ากะรัตมีผลต่อราคาเพชรธรรมชาติโดยตรง ฉะนั้นกะรัตยิ่งมาก ราคาจะยิ่งแพง และทุกกะรัตทุกตังที่ต่างกัน มีผลต่อราคาทั้งหมด ถึงแม้จะมีขนาดที่ใกล้เคียงกันก็ตาม หมายความว่าเพชรธรรมชาติ 90 ตัง และเพชรธรรมชาติ 1 กะรัต จะดูคล้ายกันมาก แต่ราคาต่างกันลิบลับ และถึงแม้จะซื้อเพชรธรรมชาติ 1 กะรัต รวมกัน 4 เม็ด ราคาก็จะถูกกว่าเพชรธรรมชาติ 4 กะรัต 1 เม็ดอยู่ดี

 

ไม่เน้นค่าความสะอาดที่สมบูรณ์แบบ

หากต้องการเพชรธรรมชาติที่เปล่งประกายไร้ตำหนิ แน่นอนว่าคุณลักษณะความสะอาด (Clarity) ถือเป็นสิ่งจำเป็น อย่างไรก็ตามหากให้นักอัญมณีศาสตร์แยกเกรดระหว่างเพชรธรรมชาติระดับ FL (Flawless) หรือไร้ตำหนิโดยสิ้นเชิง และ เพชรระดับ IF (Internally Flawless)  หรือเพชรที่ภายในไร้ตำหนิ มีเพียงตำหนิภายนอกที่ต้องใช้กล้องขยาย 10 เท่า ยังคงเป็นเรื่องยากพอสมควร ซึ่งเพชรธรรมชาติทั้งสองเกรดนี้มีราคาสูงเพราะสมบูรณ์แบบ และหายาก

 

ฉะนั้นหากจะเลือกซื้อเพชรธรรมชาติในราคาที่ถูกลง ไม่ว่าจะเป็นเพชร เพชรเกรด VVS1 – VVS2 ซึ่งมีอณูฝุ่นเล็ก ๆ อยู่ภายใน หรือ เพชรเกรด VS1 – VS2 ซึ่งมีตำหนิเล็ก ๆ ภายใน ก็ไม่สามารถมองออกหรือแยกได้ด้วยตาเปล่าอยู่ดี เพราะต้องใช้กล้องขยาย 10 เท่าเพื่อสังเกตดูโดยนักอัญมณีศาสตร์เท่านั้น หากเป็นคนปกติทั่วไปไม่มีทางสังเกตออกแน่นอน

 

เลี่ยงการซื้อเพชร D Color

เลี่ยงการซื้อเพชรธรรมชาติเกรด D Color หรือเพชรน้ำ 100 แล้วนำงบไปเพิ่มกับกะรัตน้ำหนักหากต้องการเพชรธรรมชาติเม็ดใหญ่ ๆ หรือการเจียระไนหากต้องการเพชรที่เล่นไฟสวย ๆ จะดีกว่า ถึงแม้เพชรเกรดสี D – F จะเป็นเพชรขาวใสไร้สีเจือปน ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของเพชรธรรมชาติ แต่การเลือกซื้อเพชรเกรด G – J ที่อมเหลืองเล็กน้อย ดูด้วยตาเปล่าเผิน ๆ เสมือนเป็นเพชรไร้สีจะมีราคาถูกกว่าค่อนข้างมาก

 

หรือถ้าต้องการซื้อเพชรแฟนซี เช่น เพชรสีฟ้า หรือ เพชรสีชมพู ควรเลือกเฉดสีที่อ่อนลงมา หรือมีความเข้มข้นสีค่อนข้างน้อย แต่ถ้าหากซื้อเพชรสีแดงให้เปลี่ยนไปซื้อเพชรสีชมพูเข้มแทน เพราะเพชรสีแดงหายากกว่าเพชรสีอื่น จึงมีราคาสูงมากที่สุด

 

อ่านต่อ: สีเพชร และเทคนิคเลือกซื้อเพชรให้คุ้มค่ามากที่สุด

 

เลือกเพชรหน้ากว้าง

ถึงแม้เพชรจะมีกะรัตน้ำหนักมาก แต่ไม่ได้แปลว่าหน้าเพชรจะกว้างกว่าเพชรที่มีกะรัตน้ำหนักน้อยกว่าเสมอไป ฉะนั้นถ้าเลือกซื้อเพชรธรรมชาติที่มีกะรัตน้ำหนักน้อย แต่ถ้าน้ำหนักกะรัตค่อนไปทางส่วนบนของอัญมณี เพชรเม็ดนั้นอาจจะมีหน้ากว้างกว่า หรือดูใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตามเพชรลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะถูกเจียระไนจนตื้นเกินไป ทำให้แสงสะท้อนออกด้านล่าง และเปล่งประกายน้อยลง

 

ท้ายที่สุดการเลือกซื้อเพชรธรรมชาติก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ซื้อ 

เพราะน้อยคนนักที่จะบ่งบอกคุณลักษณะของเพชรธรรมชาติที่อยู่แหวนเพชร สร้อยเพชร หรือต่างหูเพชรที่สวมใส่อยู่ได้ เว้นเสียแต่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเพชรโดยตรง ซึ่งคุณลักษณะบางอย่างที่หลดหลั่นไปจะทำให้ซื้อเพชรที่ใหญ่ขึ้นได้ และควรเลือกซื้อกับร้านที่ไว้ใจได้เท่านั้น เช่น ร้าน Celi (เซ-ลี่) ร้านเพชรใจกลางห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ที่คัดสรรเพชรเม็ดงามในราคาที่ดีที่สุดมาให้ทุกคนเลือกซื้อ

 

อ่านต่อ: ร้านเพชร ร้านไหนดี? ต้องเช็กอะไรก่อนใช้บริการบ้าง?