เพชรcvd-Chemical Vapor Deposition Diamond

เพชร CVD หนึ่งในเพชรที่พบเห็นได้ทั่วไปในท้องตลาด และหลายคนอาจจะซื้อเพชร CVD เก็บไว้โดยไม่รู้ตัว เพราะเพชร CVD ไม่สามารถแยกออกจากเพชรธรรมชาติด้วยตาเปล่า และต้องอาศัยเครื่องมือตรวจเพชรเฉพาะทางที่ไม่ใช่เพียงกล้องส่องเพชรทั่วไป และต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นจึงจะแยกได้ว่าเป็นเพชรCVD หรือเพชรธรรมชาติ ซึ่งบทความนี้จะช่วยคลายข้อสงสัยทุกเรื่องเกี่ยวกับเพชร CVD ที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

 

เพชร CVD คืออะไร?

เพชร CVD ย่อมาจาก Chemical Vapor Deposition Diamond หรือรู้จักในชื่อภาษาไทยว่า ‘เพชรสังเคราะห์’ หรือเพชรที่มนุษยสร้างขึ้น โดยมีลักษณะทางกายภาพและทางเคมีเหมือนกับเพชรธรรมชาติทุกประการ แต่ต่างกันในกระบวนการเกิด เพราะเพชรธรรมชาติเกิดขึ้นเองใต้พื้นดิน ในขณะที่เพชร CVD ถูกสร้างขึ้นมาในห้องแล็บที่จำลองสภาวะในห้องให้เหมือนกับใต้พื้นดิน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เพชร CVD มีคุณสมบัติเหมือนเพชรแท้ตามธรรมชาติ

 

เพชร CVD เกิดขึ้นได้อย่างไร?

การสร้างเพชร CVD จะต้องสร้างภายในห้องแล็บที่มีเครื่องมือทันสมัย โดยควบคุมสภาวะทุกอย่างในห้องแล็บให้เหมือนใต้พื้นดิน ทั้งความร้อน และกระบวนการเกิดต่าง ๆ ซึ่งเริ่มต้นจากการนำเศษเพชรบรรจุในห้องระบบปิด จากนั้นใช้ความร้อนสูงราว 800 องศาเซลเซียส อัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปจนแตกตัวเป็นไอออน ส่งผลให้คาร์บอนบริสุทธิ์เกาะตัวกันกลายเป็นเพชร และตกผลึกเป็นเม็ดเพชรในท้ายที่สุด โดยมีคุณสมบัติเหมือนกับเพชรธรรมชาติ 100% 

 

เพชร CVD และเพชรคิวบิกเซอร์โคเนียเหมือนกันหรือไม่?

เพชร CVD ต่างจากเพชรคิวบิกเซอร์เนียหรือเพชร CZ แน่นอน เพราะเพชร CVD มีคุณสมบัติทางเคมีเหมือนกับเพชรธรรมชาติ 100% ในขณะที่เพชร CZ ไม่ได้เกิดจากคาร์บอนเหมือนเพชร CVD ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักของเพชรแท้ แต่เพชร CZ เกิดจากการสังเคราะห์แร่เซอร์โคเนียม และเจียระไนให้เหมือนเพชรแท้ทั่วไป แต่ไม่มีคุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีเหมือนเพชรธรรมชาติแม้แต่น้อย

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่ชำนาญในการดูเพชรอาจแยกเพชร CZ จากเพชรแท้ไม่ออก แต่ในความจริงแล้ว เพชร CZ ไม่สามารถเปล่งประกาย หรือเล่นไฟได้เหมือนเพชรธรรมชาติแม้แต่น้อย ในขณะที่เพชร CVD มีคุณสมบัติการเล่นไฟใกล้เคียงกับเพชรธรรมชาติค่อนข้างมาก เพราะเกิดจากคาร์บอนเหมือนกัน ฉะนั้นหากต้องการแยกเพชร CVD จากเพชรธรรมชาติด้วยคุณลักษณะทางเคมีเช่นคาร์บอนไดออกไซด์จึงเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้แน่นอน

 

ซึ่งการเรียกเพชร CVD ว่าเพชร ‘สังเคราะห์’ มักทำให้หลายคนเหมารวมว่าเพชร CVD จะต้องมีคุณลักษณะไม่แตกต่างจากเพชรปลอมอย่างเพชรโมอิส หรือเพชรคิวบิกเซอร์โคเนีย ซึ่งความจริงแล้วคุณสมบัติของเพชร CVD ต่างจากเพชร CZ โดยสิ้นเชิง เพียงแต่สร้างขึ้นในห้องแล็บเหมือนกันจึงจัดเป็นเพชรสังเคราะห์เหมือนกัน

 

อ่านต่อ: พชร CZ คืออะไร เป็นเพชรปลอมไหม สังเกตอย่างไรดี? 

 

เพชรcvd-เพชรสังเคราะห์

เพชร CVD ราคาเท่าไหร่ ?

เพชร CVD มีราคาต่ำกว่าเพชรธรรมชาติราว ๆ 20% – 40% เลยทีเดียว ฉะนั้นสำหรับใครที่งบน้อยแต่ต้องการเพชรที่กะรัตใหญ่ขึ้น  การเลือกซื้อเพชร CVD จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอัญมณีเม็ดกลางไม่ใช่เพชร การเลือกใช้เพชร CVD เป็นเพชรบ่าทดแทนการใช้เพชรธรรมชาติ จะช่วยประหยัดงบประมาณได้มากเลยทีเดียว 

  กล่าวได้ว่าการซื้อเพชรธรรมชาติ 1.5 กะรัต จะเทียบเท่ากับการซื้อเพชร CVD 2 กะรัต ซึ่งเหตุผลที่ราคาเพชร CVD ต่ำกว่าเพชรธรรมชาติทั้งที่มีคุณสมบัติไม่ต่างกันเป็นเพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับการขุดเจาะพื้นโลก ประหยัดค่าขนส่งจากเหมืองไปยังช่างเจียระไน และค่าขนส่งไปยังพ่อค้าขนกลาง ก่อนจะไปถึงมือผู้ขายหรือหน้าร้านเพชรในท้องตลาดทั่วไป รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เพชร CVD ไม่ต้องเสีย จึงทำให้เพชร CVD มีราคาต่ำกว่าเพชรธรรมชาติ

 

เพชร CVD เป็นเพชรแท้หรือไม่?

ความจริงแล้วหากนำเพชร CVD ไปพิสูจน์ว่ามีแร่คาร์บอนเหมือนกับเพชรธรรมชาติ จะเห็นผลลัพธ์ที่ตรงกัน เพราะเพชร CVD เกิดจากธาตุคาร์บอนไดออกไซด์เช่นเดียวกันกับเพชรธรรมชาติ ซึ่งการสังเกตความต่างระหว่างเพชร CVD และเพชรธรรมชาติด้วยตาเปล่า ถึงแม้จะเป็นเซียนอัญมณีก็ยังถือเป็นเรื่องยากพอสมควร ฉะนั้นหากถามว่าเพชร CVD เป็นเพชรแท้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ซื้อ-ขาย เพราะเพชรทั้งสองแบบมีคุณสมบัติทางเคมีไม่ต่างกันเลย

 

GIA มีใบรับรองให้เพชร CVD หรือไม่?

GIA มีใบรับรองคุณภาพเพชร CVD โดยอาศัยการแบ่งเกรดเพชรตามหลักเดียวกันกับเพชรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเจียระไน สี ความสะอาด และน้ำหนักกะรัต

 

จะแยกเพชร CVD จากเพชรธรรมชาติได้อย่างไร?

แน่นอนว่าถ้าสังเกตด้วยตาเปล่าคงไม่มีทางทำได้แม้กระทั่งกับผู้เชี่ยวชาญด้านเพชรโดยตรง อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีคุณสมบัติทางเคมีที่เหมือนกันเกือบ 100% แต่ก็ยังมีสิ่งที่แตกต่างให้ได้พอสังเกตหากส่องดูด้วยเครื่องมือพิเศษ โดยสิ่งที่แตกต่างจากเพชรธรรมชาติคือลักษณะการหักเหของแสงที่ผิดปกติ และแสงที่สะท้อนจากตัวเพชร CVD ส่วนใหญ่มักเป็นสีเขียวและส้ม ในขณะที่เพชรธรรมชาติจะเป็นสีฟ้า มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเป็นสีส้มและเขียว

 

 

ถึงแม้เพชร CVD จะมีเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนาขึ้นทุกปี แต่ความต้องการในตลาดเครื่องประดับยังคงมีน้อยพอสมควรเมื่อเทียบกับเพชรธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่นิยมใช้เพชร CVD ทำเป็นชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ตัด และเส้นใยแก้วนำแสง เป็นต้น ฉะนั้นจะเลือกซื้อเพชรธรรมชาติ หรือเพชร CVD ก็แล้วแต่ความสะดวกของผู้ซื้อ แต่ควรซื้อกับร้านที่เชื่อถือได้ และมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำตลอด เช่น ร้าน Celi (เซ-ลี่) เป็นต้น