แหวนหยกเป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่ได้รับนิยมไม่แพ้แหวนเพชรและแหวนอัญมณีอื่น ๆ คู่รักบางคู่ก็เลือกซื้อแหวนหยกเป็นแหวนหมั้น หรือของขวัญวันครอบรอบ แต่ส่วนใหญ่นิยมซื้อใส่เอง ซึ่งรู้หรือไม่ว่าแหวนหยกที่ขายในท้องตลาดก็มีหลากหลายคุณภาพ โดยแหวนหยกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือแหวนหยกเจไดต์หรือแหวนหยกพม่า ซึ่งหายากมากที่สุด
ความหมายของแหวนหยก
แหวนหยกเป็นเครื่องประดับที่เกี่ยวข้องกับการนำพาพลังงานที่ดีมาสู่ชีวิต ทั้งความรัก ความกล้าหาญ ความสงบสุข ความซื่อสัตย์ และการเยียวยา ซึ่งผู้สวมใส่แหวนหยกจะได้รับพลังงานที่ดี หรือช่วยเสริมสิริมงคลให้ชีวิต ในสมัยโบราณเชื่อว่าแหวนหยกถูกนำมารักษาอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับตับและเอว โดยชาวจีนนิยมสวมแหวนหยกเพื่อควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้สมดุลอยู่เสมอ นอกจากนี้แหวนหยกยังเป็นเครื่องรางบอกเหตุด้วย หากแหวนหยกเกิดรอยร้าวอาจสื่อได้ว่าเคราะห์ร้ายกำลังมาเยือน
ชนิดของแหวนหยก
แหวนหยกมี 2 ชนิดหลักได้แก่ แหวนหยกเจไดต์ (Jadite) และแหวนหยกเนไฟรต์ (Nephrite) ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของเคมี สี และคุณสมบัติทางกายภาพ แหวนหยกเจไดต์เป็นที่รู้จักในชื่อ ‘หยกพม่า’ ซึ่งมีค่าความแข็งตามสเกลโมส์เท่ากับ 6.5-7 ในขณะที่แหวนหยกเนไฟรต์มักเรียกว่า ‘หยกจีน’ ซึ่งมีค่าความแข็งตามสเกลโมส์เท่ากับ 6-6.5
แหวนหยกเนไฟรต์จะมีส่วนผสมของแคลเซียม แมกนีเซียม และไอรอน โดยเนื้อหยกเนไฟรต์จะอ่อนนุ่มกว่าหยกเจไดต์เพียงเล็กน้อย ซึ่งสีส่วนใหญ่จะเป็นสีเขียวอ่อน เทา และในบางครั้งเป็นสีขาว ในขณะที่แหวนหยกเจไดต์จะประกอบด้วยโซเดียมและอลูมิเนียม โดยมีเฉดสีที่หลากหลายกว่าเริ่มต้นแต่ฟ้า เขียว เหลือง แดงเข้ม และชมพู ซึ่งแหวนหยกเจไดต์จะมีราคาสูงกว่าแหนหยกเนไฟรต์เพราะหายากกว่า
ถึงแม้แหวนหยกเนไฟรต์จะมีราคาถูกกว่าแหวนหยกเจไดต์ แต่ถ้าหากต้องการซื้อหยกเป็นแหวนหมั้นควรเลือกซื้อแหวนหยกเจไดต์ เพราะทนต่อการขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้ดีกว่าแหวนหยกเนไฟรต์
แหวนหยกและการปรับปรุงคุณภาพ
แหวนหยกถูกนำมาปรับปรุงคุณภาพเพื่อเร่งสีหยกให้เข้มขึ้น ชัดขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันได้แก่:
- Type A: แหวนหยก Type A คือแหวนหยกไม่ไม่ผ่านการปรับปรุงสี หรือกระบวนการความร้อนใด ๆ แต่จะใช้เพียงแว็กซ์ใสเคลือบแหวนหยกไว้เท่านั้น จัดเป็นหยกเกรด A สีธรรมชาติแท้ ทนทานมากกว่า Type B และ C
- Type B: แหวนหยก Type B คือแหวนหยกแท้ แต่มีสีทึบหม่น จึงต้องนำมาฟอกสีเพื่อนำสิ่งสกปรกออกไป แล้วเติมพอลิเมอร์ลงไปเพราะโครงสร้างของหยกโดนกร่อน ซึ่งสีหยกเกรดนี้จะหลุดลอกได้ง่ายเมื่อสวมใส่ไปสักระยะ
- Type C: แหวนหยก Type C คือแหวนหยกที่นำมาย้อมสีให้เข้มขึ้น ชัดขึ้น แต่สีมักจางและซีดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเจอความร้อนจากร่างกาย น้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือน รวมถึงแสงแดด
ราคาแหวนหยก
แหวนหยกเจไดต์มีราคาสูงกว่าแหวนหยกเนไฟรต์ค่อนข้างมาก โดยแหวนหยกเจไดต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือแหวนหยกสีเขียวจักรพรรดิ (Emerald Green) โดยราคาต่อกะรัตอาจสูงถึง 37,000 บาท ในขณะที่แหวนหยกเนไฟรต์อาจเริ่มต้นที่ 1,500 – 3,000 บาท โดยราคาจะสูงหรือต่ำก็ขึ้นอยู่กับสีและรายละเอียดสีของหยก
คุณลักษณะแหวนหยกที่ดี
แหวนหยกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือสีเขียวจักรพรรดิ หรือหยกจักดิพรรดิ โดยจะมีสีคล้ายมรกต เนื้อหยกโปร่งใส หายาก และเป็นมีราคาแพงมากที่สุด โดยเฉพาะแหวนหยกที่มีลักษณะกึ่งโปร่งใส ทำให้แสงลอดเข้าไปในเนื้อหยกได้และเรืองแสงออกมา นี่เป็นคุณลักษณะพิเศษของแหวนหยกที่หาไม่ได้ในอัญมนีอื่น แหวนหยกที่มีสีทึบ ไม่มีความโปร่งใส หรือมีลวดลายคล้ายก้อนเมฆด้านในจะไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก นอกจากนี้แหวนหยกที่ดีจะต้องมีเนื้อสัมผัสที่ละมุน ไม่สากมือด้วย
เช็กแหวนหยกแท้อย่างไร?
- ขูด: ลองใช้นิ้วก้อยหรือปลายกรรไกรขูดแหวนหยกเบา ๆ หากแหวนหยกเกิดรอยขีดข่วน สันนิษฐานได้เลยว่าเป็นแหวนหยกปลอม อย่างไรก็ตามการทดสอบด้วยวิธีนี้ต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษเพราะอาจทำลายเนื้อหยกได้
- ความร้อน: ลองกำแหวนหยกไว้ในมือแน่น ๆ หากเป็นแหวนหยกแท้จะไม่ร้อนในทันทีทันใด เพราะหยกขึ้นชื่อเรื่องความเย็น เวลากำแหวนหยกจะต้องรู้สึกเย็น มีความหนัก และเนื้อสัมผัสดี
- ความหนาแน่น: ทั้งแหวนหยกเจไดต์และแหวนหยกเนไฟรต์ต่างมีความหนาแน่นสูง แปลว่าหยกมักจะมีน้ำหนักมากกว่าอัญมณีทั่วไป โดยวิธีที่ใช้ทดสอบได้แต่ค่อนข้างเป็นอันตรายต่อแหวนหยกคือการโยนแหวนไปบนอากาศแล้วรับแหวนด้วยมือ หากแหวนหยกที่มีขนาดใกล้เคียงกับแหวนอัญมนีอื่นแต่มีน้ำหนักเบากว่า แหวนหยกวงนั้นอาจเป็นแหวนหยกปลอม
การเลือกซื้อแหวนหยกก็ไม่ต่างจากการเลือกซื้อแหวนเพชรทั่วไป หากต้องการแหวนหยกแท้ต้องเลือกซื้อจากร้านเครื่องประดับที่ไว้ใจได้เท่านั้น เพราะแหวนหยกยังไม่มีใบรับรองเหมือนแหวนเพชร ทางที่ดีควรมีผู้เชี่ยวชาญไปช่วยเลือกด้วยเพื่อกันการถูกหลอก ถึงแม้จะรู้วิธีสังเกตแหวนหยกแท้เบื้องต้นแล้วก็ตาม