เพชรใบเซอร์สถาบัน GIA HRD IGI HKD ต่างกันอย่างไร? กับมาตรฐานการเกรดที่ไม่เหมือนกัน

 

เมื่อพูดถึงใบเซอร์เพชรหลายๆท่านคงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว วันนี้ Celi (เซ-ลี่) จะพามาทำความรู้จักกับใบเซอร์เพชรจากสถาบันต่างๆ เนื่องจากเพชรนั้นสามารถได้รับการรับรองจากหลากหลายสถาบัน ดังนั้นใบเซอร์เพชรจึงมีความสำคัญที่เราจะต้องรู้ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อเพชร เรามาดูกันว่าใบเซอร์เพชรมีกี่แบบและแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

          1. ใบเซอร์เพชร GIA ย่อมาจาก Gemological Institute of America เป็นสถาบันของประเทศสหรัฐอเมริกาและมีสาขาตามประเทศต่างๆที่เป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายเพชรทั่วโลก สถาบัน GIA นับได้ว่าเป็นผู้กำหนดมาตรฐานของเพชรเป็นรายแรกๆของโลก ทำให้ใบเซอร์เพชร GIA ได้รับความน่าเชื่อถือสูงสุด และได้รับการยอมรับมากที่สุดในตลาดอัญมณีโลก นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เพชรใบเซอร์ GIA ซื้อง่ายขายคล่องกว่าเพชรที่มีใบเซอร์จากสถาบันอื่นๆ

ใบเซอร์ GIA มี 2 ขนาด คือแบบย่อ / ใบเซอร์เล็ก (สำหรับเพชรต่ำกว่า 1 กะรัต) และ แบบเต็ม / ใบเซอร์ใหญ่ (สำหรับเพชร 1 กะรัตขึ้นไป)

1.1 ใบเซอร์แบบย่อ (เซอร์เล็ก) สำหรับเพชรขนาด 0.18 กะรัตถึง 1 กะรัต

 

1.2 ใบเซอร์แบบเต็ม (เซอร์ใหญ่) สำหรับเพชรขนาด 1 กะรัตขึ้นไป จะมีเพิ่ม plotting ตำหนิมาให้ เราสามารถทราบถึงรายละเอียดของตำหนิได้ว่ามีหน้าตา ขนาด จำนวน และอยู่ส่วนใดของเพชร

***หมายเหตุ: เพชรที่ขึ้นเซอร์ GIA ตั้งแต่ปี 2023 จะไม่มี Physical Certificate อีกต่อไป (เป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ GIA) จะมีเพียง Digital Certificate ดังนั้นทาง CELI จะปริ้นใบเซอร์ GIA บนใบรับรองของทางร้านให้ด้วยเพื่อให้ลูกค้าไว้เป็นข้อมูลอ้างอิง (Effective January 2023)

 

2. ใบเซอร์เพชร HRD (HRD Antwerp) เป็นสถาบันที่มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ประเทศเบลเยี่ยมที่เดียว ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าเพชรและศูนย์กลางการเจียระไน สำหรับ HRD จะเน้นเพชรที่มีขนาด 1 กะรัตขึ้นไป และในส่วนของ Grading System จะมีเกณฑ์การให้เกรดที่สูงกว่า GIA ประมาณ ครึ่ง-1 เกรด แปลว่าเพชร GIA หากได้ I color นำไปขึ้นเซอร์กับ HRD จะได้ H color ดังนั้นเวลาเทียบราคาเพชรเราควรเทียบ H color ของ HRD กับ I color ของ GIA

3. ใบเซอร์เพชร IGI ( International Gemological Institute) เป็นสถาบันที่มีสาขามากที่สุด และเป็นสถาบันที่มีค่าบริการในการออกใบเซอร์ที่ถูก บางครั้งจึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการออกใบเซอร์เพื่อความอยากรู้ว่าเพชรที่ได้มาเป็นเพชรเกรดไหนโดยคร่าวๆ ใบเซอร์เพชรจากสถาบัน IGI จะไม่ได้รับความนิยมมากนักในหมู่คนซื้อเพชร ถ้าพูดถึง Grading System ของ IGI จะมีเกณฑ์การให้เกรดที่สูงกว่า GIA ประมาณ 2 เกรด แปลว่าเพชร GIA หากได้ I color นำไปขึ้นเซอร์กับ IGI จะได้ G color ดังนั้นเวลาเทียบราคาเพชรเราควรเทียบ G color ของ IGI กับ H color ของ HRD หรือ I color ของ GIA ไม่เช่นนั้นหากเรานำไปเทียบ G color ของทุกสถาบัน ราคาเพชรใบเซอร์ IGI จะราคาถูกที่สุดเสมอ

 

4. ใบเซอร์เพชร HKD 

ถ้าพูดถึง Grading System ของ HKD จะมีเกณฑ์การให้เกรดที่สูงกว่า GIA ประมาณ 4 เกรด แปลว่าเพชร GIA หากได้ I color นำไปขึ้นเซอร์กับ HKD จะได้ E color ดังนั้นเวลาเทียบราคาเพชรเราควรเทียบ E color ของ HKD กับ I color ของ GIA ไม่เช่นนั้นหากเรานำไปเทียบกับ E color ของ GIA ราคาเพชรของ HKD จะถูกกว่าหลายเท่าอาจทำให้เราไขว้เขวได้

จากข้อมูลข้างต้นคุณก็คงจะได้ทราบแล้วว่าความแตกต่างของใบเซอร์เพชรของแต่ละสถาบันเป็นอย่างไร และความแตกต่างของประเภทของใบเซอร์ทั้งแบบใหญ่และเล็ก อีกทั้งยังได้เรียนรู้ถึงการอ่านข้อมูลต่างๆที่ระบุไว้ในใบเซอร์แต่ละส่วนอย่างละเอียดอีกด้วย

ข้อดีของการเลือกซื้อเพชรที่มีใบเซอร์
1. เพชรที่คุณได้มา คุณมั่นใจได้แน่นอนว่าเป็นเพชรแท้ที่เกิดจากธรรมชาติ ไม่ใช่เป็นเพชรสังเคราะห์/เพชรห้องแล็ป (Lab Grown Diamond) หรือ Copy (Crystal, CZ, Moissanite)
2. ได้เพชรที่มีคุณภาพตรงกับความเป็นจริง และตรวจสอบได้ (จะมีเลขใบเซอร์ยิงเลเซอร์ไว้ที่ขอบเพชร)
3. เปรียบเทียบความคุ้มค่ากับเพชรเม็ดอื่นๆ ได้อย่างแม่นยำ