พรีเวดดิ้ง(Pre-wedding) ในปัจจุบันถือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานแต่ง โดยจุดเริ่มต้นมาจากเอเชียบ้านเราที่เผยแพร่วัฒนธรรมนี้ไปทั่วโลก ซึ่งการถ่ายพรีเวดดิ้งเปรียบเสมือนการบันทึกเรื่องราวความรักของคนสองคน ‘ก่อน’ แต่งงานนั่นเอง
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนถ่าย พรีเวดดิ้ง
- คอนเซปต์ หรือธีมรูปพรีเวดดิ้ง
การถ่ายพรีเวดดิ้งให้น่าสนใจควรบอกเล่าเรื่องราวอะไรบางอย่างของคู่รัก โดยบ่าวสาวอาจยิบยกเอาสถานที่สำคัญในชีวิตคู่เป็นพิกัดถ่ายรูป หรือเลือกจากกิจกรรมที่ชอบทำด้วยกัน เช่น เดินป่า, แข่งรถ และวาดรูป เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถนำเสนอผ่านธีมที่ทั้งคู่สนใจ เช่น ธีมย้อนยุคแบบทองกวาว หรือแต่งเลียนแบบหนังที่ชื่นชอบได้ด้วยเช่นกัน
- ช่วงเวลาถ่ายพรีเวดดิ้ง
สิ่งที่ผลโดยตรงต่อรูปคือแสง ฉะนั้นถ้าคุณอยากได้ภาพพรีเวดดิ้งสวย ๆ ควรเลือกถ่ายรูปช่วงเช้า ตอนที่แสงยังนุ่มนวลอยู่ ในขณะที่ช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกดินราว 1 ชั่วโมง จะทำให้ภาพดูมีเสน่ห์ด้วยแสงรัศมีสีทองจากแดดยามเย็น เลี่ยงการถ่ายรูปในช่วงกลางวัน เพราะแดดจัดเกินไป ทำให้ภาพขาดมิติ และถ้าต้องการถ่ายรูปในอาคาร หรือสตูดิโอ ควรเลือกสถานที่มีหน้าต่างบานใหญ่ และอาศัยแสงธรรมชาติจากภายนอก แทนแสงจากสปอร์ตไลท์
- สถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง
หากเลือกถ่ายพรีเวดดิ้งนอกสถานที่จะต้องคำนึงถึงสภาพอากาศ วิธีการเดินทาง และความพลุกพล่านของคน ยิ่งเป็นสถานที่ยอดนิยมมาก คนยิ่งเยอะ ยิ่งเคอะเขินเวลาถ่ายรูป และต้องรอจังหวะในการถ่ายรูปนานด้วยเช่นกัน หากเป็นสถานที่มีความหมายต่อคุณทั้งคู่จริง ๆ ควรเลือกไปเวลาเช้าที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงผู้คน
- ชุดสำหรับถ่ายพรีเวดดิ้ง
การถ่ายพรีเวดดิ้ง ไม่มีกำหนดตายตัวว่าต้องสวมเพียงแต่ชุดแต่งงานเท่านั้น ซึ่งคู่รักควรเตรียมชุดไว้อย่างน้อย3 แบบ ได้แก่ ชุดลำลองเน้นความคล่องตัว และเป็นตัวเอง, ชุดกึ่งทางการ และชุดแฟนซีหรูหราจัดเต็ม หรือจะเลือกชุดให้เข้ากับสถานที่ก็ได้เช่นกัน แต่สำคัญที่สุดคือควรมีเสื้อผ้าสำรองไว้ด้วย
- ความพร้อมทางร่างกาย และจิตใจก่อนถ่ายพรีเวดดิ้ง
การถ่ายพรีเวดดิ้งสำหรับบางคนอาจเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจ เพราะต้องโพสต์ท่าโรแมนติกต่อคนแปลกหน้า หรือช่างภาพ ฉะนั้นควรคุยกันให้เข้าใจ และถามความสมัครใจของอีกฝ่ายถึงขอบเขตการถ่ายรูปก่อนถึงวันจริงจะดีที่สุด เพราะคงไม่มีใครอยากให้อีกฝ่ายถ่ายด้วยหน้าบึ้งตึงตลอดเวลานอกจากนี้หากคู่รักต้องการถ่ายพรีเวดดิ้งนอกสถานที่ จะต้องรับมือกับการเดินทาง และสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนพอสมควร จึงต้องฟิตร่างกายให้พร้อมก่อนอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพราะบางสถานที่มีมุมสวยค่อนข้างเยอะ แต่อาจจะต้องเดินไกล เช่น จุดชมวิวบนเขาต่าง ๆ หรือโขดหินตามชายหาดสวย ๆ
- พร็อบถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง
หากถ่ายพรีเวดดิ้งนอกสถานที่ คู่รักจะต้องเตรียมอุปกรณ์ถ่ายรูป เช่น พลุ,ลูกโป่ง, ดอกไม้ หรือเครื่องเป่าฟองสบู่ไปเอง แต่ถ้าไม่อยากเสียเงินเพิ่ม สามารถนำของขวัญชิ้นสำคัญ เช่น แหวนหมั้น, สร้อยคอ หรือของแทนใจชิ้นอื่นมาเป็นพร็อบเพื่อสร้างความหมายสำคัญให้รูปก็ได้เช่นกัน
- ตัวอย่างรูปพรีเวดดิ้ง
การถ่ายพรีเวดดิ้งจะง่าย และไวขึ้นหากคู่บ่าวสาวซักซ้อม การยิ้ม, ท่านั่ง, ท่ายืน, ท่าเดิน, ท่าจับมือ และท่านอนตักโดยอ้างอิงจากรูปตัวอย่างมาก่อนในเบื้องต้น โดยเฉพาะถ้าเป็นคู่รักขี้อายจะช่วยการแก้อาการเก้อเขินเมื่อเจอช่างภาพได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ จะช่วยทำให้คุณหามุมที่มั่นใจได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
- ช่างถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง
สิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับการถ่ายรูปพรีเวดดิ้งคือช่างภาพ หากไม่มีเพื่อนรู้ใจที่ถ่ายรูปเก่ง ก็ควรเลือกช่างภาพที่มีประสบการณ์ถ่ายพรีเวดดิ้งโดยเฉพาะ เพราะเขาจะรู้วิธีทำให้คู่บ่าวสาวไม่ตึงเครียด ไม่เคอะเขินระหว่างถ่ายรูป และถ่ายรูปออกมาเป็นธรรมชาติได้มากที่สุด
- ค่าใช้จ่ายสำหรับถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง
อย่างไรก็ตามการถ่ายพรีเวดดิ้ง ไม่ได้มีเพียงค่าช่างภาพเท่านั้น แต่ยังมีค่าช่างทำผม ช่างแต่งหน้า ค่าพร็อบถ่ายรูป ค่าเดินทาง ค่าเสื้อผ้า ค่าเช่าสถานที่บางจุด และถ้าถ่ายที่ต่างจังหวัด จะต้องสำรองค่าที่พักให้ ช่างภาพ ช่างทำผม และช่างแต่งหน้าด้วยเช่นกัน
ข้อดีของการถ่าย พรีเวดดิ้ง นอกสถานที่
- ได้ถ่ายในสถานที่มีความหมายต่อกัน เช่น โรงเรียนและร้านที่ทานข้าวด้วยกันครั้งแรก เป็นต้น
- หากถ่ายรูปที่ต่างจังหวัด และต้องนอนค้างอ้างแรม จะได้ใช้เวลากับคนรักเพิ่มขึ้น
- ไม่ต้องเสียค่าเช่าสถานที่ ได้มุมถ่ายพรีเวดดิ้งที่หลากหลายและแปลกใหม่กว่าในสตูดิโอ
ข้อดีของการถ่าย พรีเวดดิ้ง ในสตูดิโอ
- ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง และสภาพอากาศ จะฝนตก หรือแดดออก ก็ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งได้ไม่ต้องกลัวเหงื่อออกจนเครื่องสำอางไหลเลอะชุด
- มีอุปกรณ์ครบครัน ทั้งพร็อบประกอบฉาก, อุปกรณ์ถ่ายรูปไว้เช่าเผื่อฉุกเฉิน และชุดสำหรับถ่ายพรีเวดดิ้งโดยเฉพาะ
- มีพื้นที่ส่วนตัว ไม่ต้องคอยเล็งจังหวะถ่ายรูป จะถ่ายรูปท่าไหนก็ได้ไม่ต้องเคอะเขินสายตาคนอื่น
- มีห้องน้ำให้เข้าได้ตลอดเวลา วางของใช้ส่วนตัวได้ไม่ต้องพะวงว่าของจะหาย และได้นั่งพักในห้องแอร์เย็นฉ่ำ
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายพรีเวดดิ้งนอกสถานที่ หรือในสตูดิโอ ก็ล้วนแต่เป็นการสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกับคนรักของคุณ ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือคู่รักต้องมีความสุข และสนุกที่ได้ถ่ายรูปร่วมกัน ไม่ควรเป็นกิจกรรมที่ตึงเครียด ฉะนั้นก่อนตัดสินใจถ่ายพรีเวดดิ้งควรอธิบายความต้องการของกันและกันให้ชัดเจน รวมถึงซักซ้อมท่าที่ต้องการถ่ายไว้บ้างเพื่อลดอาการเขินในวันถ่ายจริง เพื่อให้ได้รูปที่ดีที่สุด