เพชรทรงกลมเป็นเพชรยอดฮิตมากที่สุดในบรรดาเพชรทั้งหมด และราคาแพงกว่าเพชรทรงอื่น แต่รู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะอะไร? แพงกว่าเท่าไหร่? และเพราะอะไรเพชรทรงกลมถึงเป็นที่นิยม? มาหาคำตอบไปพร้อมกับ Celi (เซ-ลี่) ได้เลย
เพชรทรงกลม คืออะไร ?
เพชรทรงกลมคือเพชรที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล เป็นเพชรที่ประกอบด้วยเหลี่ยม 58 เหลี่ยม โดยนิยมเจียระไนแบบ Brilliant Cut เพื่อให้เพชรมีความระยิบระยับ แวววาว และเล่นไฟได้มากที่สุด
ซึ่งอัตราส่วนการตัดเพชรทรงกลมจะอยู่ที่ 1 – 1.01 โดยมีหน้ากว้างราว 55 – 59% และความลึกราว 60.1 – 62.6 %
เพชรทรงกลม ราคาเท่าไหร่ ?
เพชรทรงกลมมีราคาเริ่มต้นราว 9,700 บาท ไปจนถึงหลายแสน และหลายล้านบาทขึ้นอยู่กับกะรัตน้ำหนักและคุณภาพเพชรทรงกลมที่เลือก
หากดูเฉพาะเพชรทรงกลมระดับ 3EX สีไม่ต่ำกว่า I และค่าความสะอาดไม่น้อยกว่า VS2 แต่เป็นเพชร 20 ตัง ราคาจะเริ่มต้นประมาณ 15,000 บาท ส่วนเพชร 30 ตัง เริ่มต้นราว 16,300 บาท และเพชร 60 ตัง เริ่มต้นราว 51,000 บาท ในขณะที่เพชร 95 ตัง เริ่มต้นราว 167,000 บาท เป็นต้น
เช็กราคาเพชรทรงกลม: Diamond Search
ทำไม เพชรทรงกลม แพงกว่าเพชรแฟนซี?
เพชรทรงกลมส่วนใหญ่มักราคาสูงกว่าเพชรแฟนซีราว 35% เพราะเพชรทรงกลมเป็นที่ต้องการในตลาดค่อนข้างสูง ซึ่งแหวนหมั้นและแหวนแต่งงานราว 60% ล้วนใช้เพชรทรงกลมทั้งหมด
อ่านต่อ: แหวนเพชรแต่งงาน จะซื้อให้คนรักแบบเพอร์เฟกต์จะเริ่มต้นอย่างไรดี
ซึ่งก่อนจะมาเป็นเพชรทรงกลมเม็ดงาม ก็ต้องผ่านการนำเพชรดิบมาเจียระไนให้ได้สัดส่วนทรงกลมที่สมส่วนเสียก่อน
แต่การจะได้เพชรทรงกลม 1 เม็ด จะต้องเจียระไนเนื้อเพชรดิบออกไปราว 60% ถึงจะเหลือเป็นเพชรทรงกลมที่สมบูรณ์แบบ 1 เม็ด ซึ่งส่วนที่เสียไปจะกลายเป็นของเสีย ต่างจากเพชร Princess Cut สูญเสียเนื้อเพชรดิบไปเพียง 20% เท่านั้นจากเพชร 1 ก้อน
เช่น เพชรทรงกลม 1 กะรัตราคาต่ำสุดจะเริ่มราว 52,000 บาท และสูงไปจนถึง 720,000 บาท ในขณะที่เพชร Princess Cut 1 กะรัตจะเริ่มราว 45,000 บาท ไปจนถึง 250,000 บาท
จุดเด่น เพชรทรงกลม
เพชรทรงกลมหากได้รับการเจียระไนที่สมมาตร และได้สัดส่วนที่ถูกต้อง จะเป็นเพชรที่เล่นไฟได้สวยงามที่สุด เพราะเป็นเพชรที่มีเหลี่ยมมากที่สุด
ซึ่งจุดเด่นของเพชรทรงกลมคือ Brilliance หรือความสุกใสแวววาวระยิบระยับที่สะท้อนบนหน้าเพชร ทำให้เพชรทรงกลมดูมีขนาดใหญ่กว่าเดิม
นอกจากนี้ยังมี Fire หรือปริมาณแสงที่เปล่งกระจายตัวออกมาจากเพชรที่เป็นจุดเด่นของเพชรทรงกลม แต่ถ้าหากมากเกินไปจะไม่ดี ฉะนั้นการเจียระไน (Cut) จึงเป็นเรื่องสำคัญ
อ่านต่อ: ศัพท์เพชรที่ต้องรู้ก่อนซื้อเครื่องประดับเพชร!
และจุดเด่นอีกอย่างก็คือความทนทาน เพชรทรงกลมไม่มีเหลี่ยมมุมที่เปราะบาง และอาจจะบิ่นได้ง่ายเหมือนเพชรทรงอื่น เช่น เพชร Princess Cut อีกทั้งยังซ่อนตำหนิต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นเพชรที่มีความสุกใสมากกว่าเพชรทรงอื่น
เพชรทรงกลม ที่ดีมีลักษณะอย่างไร ?
เพชรทรงกลมที่ดีต้องเจียระไนให้ได้สัดส่วนที่สมมาตรมากที่สุด เพื่อให้ไฟและแสงเปล่งประกายผ่านเหลี่ยมทั้ง 58 หน้าอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ฉะนั้นทางควรเลือกซื้อเพชรทรงกลมแบบ 3EX หากต้องการเพชรที่ระยิบระยับและเล่นไฟได้สวยที่สุด
อ่านต่อ: รู้ก่อนซื้อ! เพชร 3EX คืออะไร? ต่างจากเพชรทั่วไปอย่างไร?
โดยสัดส่วนความลึกของเพชรทรงกลม (Depth) จะต้องสมส่วนกับหน้าเพชร (Table) เพื่อให้เพชรสมมาตร (Symmetry) มากที่สุด
ในขณะที่การเจียระไน (Cut) จะต้องได้สัดส่วนเหลี่ยมที่สะท้อนแสงเพชรได้ดีที่สุด และขัด (Polish) ผิวเพชรให้เกลี้ยงเกลา เพื่อให้เพชรเปล่งประกายได้มากที่สุด
กล่าวให้ง่ายขึ้นคือเพชรทรงกลมเม็ดนั้น ควรได้รับเกรด Excellent ทั้งการเจียระไน ความเกลี้ยงเกลา และความสมมาตร
หากเพชรทรงกลมมีความลึกมากเกินไป แสงจะสะท้อนออกจากก้นเพชรแทนหน้าเพชร ทำให้เพชรไม่เปล่งประกายอย่างที่ควรจะเป็น
ในทางกลับกัน เพชรทรงกลมที่ตื้นเกินไป ถึงแม้หน้าเพชรจะดูใหญ่กว่า แต่แสงจะสะท้อนออกด้านข้างแทนหน้าเพชร ทำให้เพชรขาดความระยิบระยับ และไม่เล่นไฟ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องสีเพชรและความสะอาดเพชร ที่เป็นเกรดชี้วัดความสวยงามและกำหนดราคาเพชรทรงกลมอีกด้วย ซึ่งสีเพชรทรงกลมที่สวยและคุ้มค่ามากที่สุด จะอยู่ในช่วงเกรด G – H ที่แทบจะเกือบไร้สี แต่ราคาถูกกว่าเพชรไร้สีค่อนข้างเยอะ ในขณะที่ความสะอาดเพชรควรอยู่เป็น VS2 ขึ้นไปเพราะตำหนิที่มีจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
ถึงแม้เพชรทรงกลมจะมีราคาค่อนข้างสูงกว่าเพชรทรงอื่น แต่ก็ใช่ว่าจะจับจองเป็นเจ้าของไม่ได้เสียเลย เพราะที่ร้าน Celi (เซ-ลี่) มีเพชรทรงกลมในราคาเริ่มต้นเพียง 9,700 บาท พร้อมด้วยบริการสุดประทับใจโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเพชร ที่จะตอบทุกข้อสงสัย และช่วยเลือกเพชรที่โดนใจในงบที่ต้องการมากที่สุด