เพื่อนเจ้าสาว-ปฎิธิน

ฤกษ์แต่งงาน เป็นส่วนหนึ่งของค่านิยมไทยที่ถ่ายทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ และสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยในปัจจุบันว่าที่บ่าว-สาวมักเลือกแต่งตามฤกษ์สะดวกเสียมากกว่า อย่างไรก็ตามผู้ใหญ่ยังคงให้ความสำคัญกับฤกษ์ยามเป็นอันดับแรก เพื่อความเป็นสิริมงคลของคู่รัก ฉะนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกวันแต่งงาน ควรตกลงกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเสียก่อน โดยอาศัยวิธีดูฤกษ์แต่งงานดังต่อไปนี้

 

วิธีดู ฤกษ์แต่งงาน ปี 2564

1. ฤกษ์แต่งงานเลข 9 มหามงคล 

เลข 9ถือเป็นฤกษ์มงคลแรกที่คนไทยนึกถึง เพราะเลข 9 หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า อายุมั่นขวัญยืน และมีสุขภาพแข็งแรง ฉะนั้นฤกษ์แต่งงานส่วนใหญ่จึงอ้างอิงเลข 9 เป็นหลัก เช่น วันที่ 9 เดือน 9 เวลา 09.09 นาที เป็นต้น 

 

2. ฤกษ์แต่งงานเลี่ยงวันอัปมงคล

ฤกษ์แต่งงานที่จัดเป็นวันอัปมงคลของคู่บ่าวสาวได้แก่ วันพระเพราะการส่งตัวบ่าว-สาวเข้าเรือนหอถือเป็นเรื่องของกิเลส และไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีวันพุธที่เป็นฤกษ์อัปมงคลเพราะดวงโคจรเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่แน่นอน อาจทำให้คู่สามีภรรยาหย่าร้างกันในภายหลัง รวมทั้งวันพฤหัสบดีเพราะเชื่อว่าจะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีชู้

ในขณะที่วันอังคารและวันเสาร์ ก็ถือเป็นวันต้องห้ามเพราะเป็นวันแรง เหมาะสำหรับฤกษ์ทำเครื่องรางของขลังมากกว่าแต่งงาน อาจส่งผลให้ครอบครัวพบเจอแต่อุปสรรค และไม่มีความสุข นอกจากนี้ยังมีวันโกน และวันโลกาวินาศที่ไม่นิยมจัดงานมงคลใด ๆ ทั้งสิ้น โดยแต่ละปีจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหลักโหราศาสตร์ 

รวมไปถึงข้างขึ้นและข้างแรมประจำวันและเดือน เช่น วันอาทิตย์ ขึ้น/แรม 12 ค่ำ, วันจันทร์ ขึ้น/แรม 11 ค่ำ, วันศุกร์ ขึ้น/แรม 12 ค่ำ, เดือน 2 ขึ้น/แรม 12ค่ำ และเดือน 12 ขึ้น/แรม 10 ค่ำ เป็นต้น ที่จัดเป็นฤกษ์แต่งงานต้องห้าม

 

เพื่อนเจ้าสาว-จูบ

3. ฤกษ์แต่งงานจากการคำนวณวันเดือนปีเกิด

ในปัจจุบันว่าที่บ่าวสาวสามารถหาฤกษ์แต่งงานได้ด้วยตนเองผ่านระบบคำนวณวันเดือนปีเกิดตามเว็บไซต์ดูดวงต่าง ๆ โดยวันที่เหมาะสมจะต้องเป็นฤกษ์มงคลสำหรับทั้งสองฝ่ายเท่านั้น อย่างไรก็ตามวิธีนี้ต้องอาศัยการเปรียบเทียบข้อมูลจากหลายแหล่งพอสมควร และควรอ้างอิงจากเว็บไซต์ที่มีการอัพเดตข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการคำนวณฤกษ์ที่คลาดเคลื่อน 

 

4. ฤกษ์แต่งงานจากผู้เชี่ยวชาญ

วิธีที่นิยมมากที่สุดคือสอบถามฤกษ์แต่งงานจากพระอาจารย์, ซินแส และผู้ตรวจดวงชะตาที่เราหรือพ่อแม่เคารพนับถือ เพื่อความแม่นยำในการหาฤกษ์ที่เป็นมงคลกับชีวิตคู่มากที่สุด โดยส่วนใหญ่มักใช้วัน เดือน ปีเกิดและเวลาตกฟากเพื่อหาฤกษ์ยามที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามควรศึกษาความน่าเชื่อถือของบุคคลนั้นก่อนเสมอ เพื่อเลี่ยงการเสียเงินดูฤกษ์กับมิจฉาชีพ

 

เพื่อนเจ้าสาว-สวมแหวน

5. ฤกษ์แต่งงานตามปฏิทิน

อีกหนึ่งวิธีในการประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อหาฤกษ์แต่งงานที่ดีคือการเลือกวันมงคลตามปฏิทินประจำปี ซึ่งแต่ละปีจะมีวันแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการคำนวณทางโหราศาสตร์ โดยในปี 2564 มีฤกษ์งามยามดีเพื่อจูงมือคนรักเข้าประตูวิวาห์ดังต่อไปนี้:

  • เดือนมกราคม: วันที่ 2, 6, 8, 12, 20, 23 และ 26
  • เดือนกุมภาพันธ์:วันที่ 1, 5, 7, 11, 18, 21 และ 24
  • เดือนมีนาคม: วันที่ 2, 6, 8, 12, 20, 23 และ 26
  • เดือนเมษายน: วันที่ 1, 5, 7, 11, 18, 21, 24 และ 30
  • เดือนพฤษภาคม: 4, 6, 10, 18, 21, 24 และ 30
  • เดือนมิถุนายน: 3, 5, 9, 16, 19, 22 และ 28
  • เดือนกรกฎาคม: 2, 4, 8, 16, 19, 22 และ 28
  • เดือนสิงหาคม: 1, 3, 7, 15, 18, 21, 27 และ 31
  • เดือนกันยายน: 2, 6, 13, 16, 19, 25 และ 29
  • เดือนตุลาคม: 1, 5, 13, 16, 19, 25, 29 และ 31
  • เดือนพฤศจิกายน: 4, 11, 14, 17, 23, 27 และ 29
  • เดือนธันวาคม: 3, 11, 14, 17, 23, 27 และ 29

 ทั้งหมดนี้ เป็นวิธีหาฤกษ์แต่งงานที่นิยมใช้ในไทย อย่างไรก็ตามการหาฤกษ์ยามเป็นเพียงความเชื่อและความศรัทธาเพียงเท่านั้น หากคู่รักต้องการจัดงานแต่งตามฤกษ์สะดวกก็ทำได้ หากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไม่ติดขัดอะไร เพราะการแต่งงานควรเกิดจากความสบายใจของทั้งสองฝ่ายเป็นหลักเสียมากกว่า ซึ่งการกำหนดวันแต่งงานตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวจัดการเรื่องงานแต่งได้ง่ายขึ้นนั่นเอง