กะรัตเพชรคือปัจจัยสำคัญที่ต้องตัดสินใจก่อนเลือกซื้อเครื่องประเพชรทุกชิ้น เพราะถึงแม้เพชรจะมีหลายคุณลักษณะที่ส่งผลต่อราคา แต่กะรัตเพชรคือตัวแปรสำคัญที่สุด ซึ่งราคาอาจต่างกันมากถึงแม้จะน้ำหนักต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
กะรัตเพชรคืออะไร
กะรัตเพชรหมายถึงน้ำหนักเพชร (Carat Weight) เป็น 1 ใน 4 คุณลักษณะสำคัญของเพชรที่กำหนดโดยสถาบันอัญมณีศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา (GIA) โดย 1 กะรัตจะมีค่าเท่ากับ 0.20 กรัม หรือ 100 ตัง (Points) เช่น เพชร 2.52 cts. คือเพชร 1 กะรัต 52 ตัง
อ่านต่อ: เพชร5 ตังค์ /เพชร 10 ตังค์ คืออะไร ต่างจากเพชร 1 กะรัตอย่างไร
กะรัตเพชร ‘ไม่ใช่’ ขนาดเพชร
กะรัตเพชรไม่ใช่สัดส่วนหรือขนาดเพชรอย่างที่หลายคนมักเข้าใจผิด ถึงแม้กะรัตเพชรจะช่วยให้ประมาณขนาดเพชรในเบื้องต้นได้ กะรัตเพชร แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป หมายความว่ากะรัตน้ำหนักเพชรเท่ากัน แต่ขนาดไม่จำเป็นต้องเท่ากันเสมอไปขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของอัญมณีชิ้นนั้น
ซึ่งสัดส่วนเพชรเกิดจากการเจียระไน (Cut) ที่มีผลต่อองค์รวมขนาดของเพชร เพชรที่เจียระไนไม่ได้สัดส่วนอาจมีก้นลึกเกินไป หรือเหลี่ยมหนาเกินไป ทำให้น้ำหนักเพชรส่วนใหญ่ไปกองอยู่ใต้ขอบเพชร (Griddle) เช่น เพชร 1.20 กะรัต อาจมีขนาดเท่ากับเพชร 1.00 กะรัต หากเจียระไนไม่ได้สัดส่วน ฉะนั้นการซื้อเพชรไม่ควรพิจารณาเพียงแต่กะรัตเพชรเท่านั้น แต่ต้องดูเกรดการเจียระไนด้วยเช่นกันว่าสมพ้องต้องกับราคาและคุณภาพที่ได้หรือไม่ เพื่อประหยัดค่าน้ำหนักกะรัตที่อาจจ่ายเพิ่มไปแบบสูญเปล่า
กะรัตเพชร ‘ต่าง’ กับกะรัตน้ำหนักรวม
กะรัตเพชรหมายถึงน้ำหนักของเพชรแต่ละเม็ด แต่กะรัตน้ำหนักรวมหมายถึงน้ำหนักรวมของเพชรทุกกะรัตในเครื่องประดับ 1 ชิ้น ซึ่งมีผลต่อราคาเช่นกัน เช่น แหวนเพชรเม็ดเดี่ยว 1.30 กะรัตจะมีราคาแพงกว่า แหวนเพชรที่ประกอบด้วยประกอบด้วยเพชรเม็ดกลาง 1 กะรัต และเพชรประดับบ่าแหวน 2 ข้างเม็ดละ 15 ตัง ซึ่งมีกะรัตน้ำหนักรวม 1.30 กะรัต
กะรัตเพชรสำหรับแหวนหมั้น
ไม่ว่าจะกะรัตเพชรใหญ่ หรือกะรัตเพชรเล็ก ก็สามารถนำมาทำแหวนหมั้นได้ทั้งนั้น เพชรเม็ดเล็กกะรัตน้ำหนักน้อยก็เล่นไฟสวยงามได้เช่นกันหากเลือกเป็น นอกจากนี้การเลือกกะรัตเพชรที่ต่ำกว่ากะรัตจริงที่ต้องการเล็กน้อย ยังช่วยประหยัดเงินได้มาก เพราะถึงแม้กะรัตเพชรจะหนักต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่ราคาต่างกันค่อนข้างมาก เช่น เพชร 90 ตัง อาจมีราคาราว 93,000 บาท – 125,000 บาท ในขณะที่เพชร 1 กะรัต อาจราคาสูงถึง 145,000 บาทขึ้นไป โดยแยกความแตกต่างด้วยตาเปล่าแทบไม่ออก
สำหรับคู่รักที่มีงบน้อยกว่า 30,0000 บาท สามารถเลือกซื้อเพชรได้ตั้งแต่น้ำหนัก 10 ตัง – 40 ตัง ในขณะที่งบราว 60,000 – 70,000 บาท จะได้กะรัตเพชรราว 70 ตัง ซึ่งเป็นกะรัตเพชรที่ได้รับความนิยมมากสำหรับแหวนหมั้น เพราะราคาและขนาดค่อนข้างเหมาะสม แต่ถ้าใครต้องการซื้อเพชร 1 กะรัต แนะนำให้เลือกเป็นเพชร 90 ตัง จะคุ้มกว่า แต่ถ้าต้องการเพชร 1 กะรัตจริง ๆ อาจลดเกรดของความสะอาด (Clarity) และสี (Color) ลงมา อาจจะได้เพชร 1 กะรัตในราคาเพียง 95,000 บาทเท่านั้น
นอกจากงบประมาณสำหรับกะรัตน้ำหนักเพชร ยังต้องคำนึงถึงดีไซน์แหวนหมั้นด้วยเช่นกัน เพราะดีไซน์แต่ละแบบมีผลต่อราคา เช่น แหวนเพชรเม็ดเดี่ยวแบบหนามเตย อาจเริ่มต้นที่ 7,800 บาท ในขณะที่แหวนเพชรแถวหรือแหวนเพชรล้อม อาจเริ่มต้นที่ 10,000 บาท – 20,000 บาทขึ้นไป กล่าวคือยิ่งดีไซน์ยากมากเท่าไหร่ราคายิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น
หากต้องการประหยัดงบซื้อแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงาน แต่ไม่อยากลดน้ำหนักกะรัตเพชรลง แนะนำให้เลือกเพชรรูปทรงแฟนซีแทนเพชรทรงกลม เพราะเพชรแฟนซีมีราคาถูกกว่าเพชรทรงกลม 20-40% ถึงแม้จะมีกะรัตเท่ากันก็ตาม
ไม่ว่าจะน้ำหนักกะรัตเพชรเท่าไหร่ การเลือกซื้อเพชร 1 เม็ดก็ยังมีปัจจัยอื่นให้พิจารณาเพิ่มเติมตามหลัก GIA ไม่ว่าจะเป็นสี (Color) การเจียระไน (Cut) และความสะอาด (Clarity) และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกซื้อจากร้านเพชรที่ไว้ใจได้เท่านั้น เช่นร้าน Celi (เซ-ลี่) ที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดตลอดการเลือกซื้อ มั่นใจได้ว่าเพชรทุกเม็ดคุณภาพสมราคา ในงบสบายกระเป๋า